วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การขอวีซ่าคู่สมรสออสเตรเลียในประเทศไทย

ข้อมูลวีซ่าคู่สมรส คู่หมั้น ( Update 1st July 2009 - Thai Version)
http://www.vfs-au.net/thai/forms/Thai%20Information%20Sheet%201%20Partner%20Jul%2009.pdf

การขอหนังสือรับรองความประพฤติ
เอกสารที่ต้องเตรียมไป มีดังนี้
1.สำเนาบัตรประชาชน ( นำตัวจริงไปด้วย )
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาพาสปอร์ต ( นำเล่มจริงไปด้วย )
4.หนังสือส่งตัวจาก VFS
5.เงิน 200 บาท (เคยอ่านเจอบางคนเค้าว่าไม่เสีย แต่ตอนไปขอประมาณเดือน สค 09 เสียเงิน 200 บาทอ่ะ)

ศูนย์บริการออกหนังสือรับรองความประพฤติ
ชั้น 1 อาคาร 24 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถ.พระรามที่ 1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0-2205-2168-9โทรสาร 0-2205-1295
อีเมล์ pcscenter@royalthaipolice.go.th

The Police Clearance Service Center.
Building 24, Royal Thai Police,Rama I, Pathumwan, Bangkok 10330
Phone : 0-2205-2168-9 Fax: 0-2205-1295E-mail : pcscenter@royalthaipolice.go.th

หมายเหตุ: มีคนถามมากใน web ว่าหนังสือรับรองความประพฤตินี่ เช็คข้อมูลอะไรบ้าง คำตอบ คือ เช็คเฉพาะ คดีอาญา หมายถึง เป็นเรื่องเกี่ยวความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เช่น ลักวิ่งชิงปล้น ฉ้อโกง ยักยอก ทำร้ายร่างกาย ยาเสพติด อะไรประเภทนี้ ก็จะเป็นคดีอาญา ซึ่งถ้าจะมีการบังคับคดีก็จะมีโทษ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน ถ้าคดีที่เกี่ยวกับหนี้สิน ลูกหนี้ เจ้าหนี้ เรื่องเงินกู้ ละก็ เป็นคดีแพ่งค่ะ แล้วได้ confirm กับเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์แล้ว เขาบอกไม่ว่าคุณจะเป็นหนี้ใครเท่าไหร่ เค้าไม่สนใจเรื่องนี้ค่ะ ไม่นำมาเช็ค สำหรับคนที่เป็นหนี้อยู่ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้นะคะ แต่ยังไงอย่าเป็นหนี้ล่ะเป็นดี เป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่ถ้ายังไม่มีก็ไม่ต้องเครียดที่จะรีบใช้ ค่อยๆใช้ไปเรื่อยๆนะคะ แต่ระวังหนี้ผ่อนสินค้านะคะ ถ้าหากไม่มีของให้เขายึดล่ะก็จะถือเป็นคดีอาญาค่ะ เข้าข่าย โกง ฉ้อฉล หรือ ลักทรัพย์ ประมาณนี้ค่ะ ยังไงให้ผู้รู้เรื่องกฏหมายมาเล่าให้ฟังก็ดีนะคะ

เอกสารรับรองการแปลที่กงสุล
เอกสารที่ต้องแปล1. บัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. ทะเบียนสมรส
4. สูติบัตร (ใบเกิด)
หมายเหตุ: แนะนำให้แปลกับร้านที่น่าเชื่อถือค่ะ จะได้ไม่แปลผิด ไม่เสียเวลาเราไปๆมาๆ มีแนะนำแถวสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ตึกมหาทุนค่ะ เจ้าของร้านเป็นคุณลุงค่ะ นิสัยดี น่ารักมาก แล้วแปลไม่ผิดด้วยค่ะ ค่าแปลฉบับละ 300 บาท ถ้าขอเพิ่มสำหรับนำติดตัวมาด้วยเผื่อไว้ใช้ในอนาคต แกคิดเพิ่ม 100 บาทค่ะ หรือไม่ก็ไปที่กงสุลเลย มีคนมารอให้บริการเราอยู่แล้ว ถ้าผิดก็แก้ได้เลยไม่เสียเวลามาก หลังจากแปลเอกสารแล้วก็นำไปรับรองที่กงสุงค่ะ ย้ำนะคะ ให้เอาตัวจริงไปด้วย

เอกสารที่นำไปยื่นแปล1.ต้นฉบับเอกสาร ( ตัวจริง) + สำเนา ( ภาษาไทย ) 1 ชุด
2.ต้นฉบับการแปล ( ภาษาอังกฤษ ) 1 ชุด

ค่าธรรมเนียมรับรองการแปล
รับรองการแปลปกติ 400 บาท/ชุด ไปยื่นวันนี้ จะได้ในวันถัดไป
รับรองการแปลด่วน 800 บาท/ชุด ไปยื่นเช้า จะได้บ่ายวันนั้นเลย
แนะนำให้แปลปกติดีกว่า เพราะยังไงเราก็เสียเวลาไป 1 วันอยู่ดี สู้ไปเช้าวันนี้ แล้วไปรับเช้าในวันถัดไป ประหยัดเท่าตัวเลยค่ะ

ตรวจสุขภาพ:
รายชื่อโรงพยาบาลสำหรับตรวจสุขภาพ (กรุงเทพมหานคร)


  1. โรงพยาบาลกรุงเทพ โทรศัพท์ 02-310-3256
  2. โรงพยาบาลบางกอกเนอสซิ่งโฮม หรือ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH) โทรศัพท์ 0 2632 0550 หรือ 02-632-0560
  3. โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โทรศัพท์ 02-574-5000
ดูรายชื่อโรงพยาบาลสำหรับต่างจังหวัดได้ที่
http://www.immi.gov.au/contacts/overseas/t/thailand/panel-doctors.htm
เอกสารที่ต้องเตรียมในการตรวจสุขภาพ
  1. รูปถ่าย 1-2 นิ้ว 2 รูป
  2. กรอกแบบฟอร์ม 26 และ160 (ฟอร์มนี้ทางโรงพยาบาลมีให้แล้วค่ะ แต่นำไปกันเหนียวก็ดีค่ะ)
  3. หนังสือเดินทาง
  4. ค่าตรวจสุขภาพประมาณ 1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล)
  5. ใบส่งตัวจาก VFS (อันนี้ไปที่ VFS ยื่น passport เพื่อขอใบส่งตัวเพื่อตรวจสุขภาพ)
โดยทั่วไปหากไม่ระบุเป็นอย่างอื่น ผลตรวจร่างกาย จะส่งไปที่สถานทูตออสเตรเลียในกรุงเทพโดยตรง
นำใบส่งตัวไปยื่นที่ โรงพยาบาลค่ะ ที่โรงพยาบาลมีแบบฟอร์มอยู่แล้ว แนะนำอย่าไปที่โรงพยาบาลมงกุฏิวัฒนะค่ะ อาจจะต้องเสียเงินตรวจเพิ่งโดยไม่จำเป็นค่ะ เจอมาแล้ว xray หมอบอกว่ามีก้อนที่ปอด บอกว่าปอดอักเสบให้ยามากิน 5 เม็ด 1000 บาท เราก็บอกหมอไปว่า เราสบายดี ไม่มีอาการอะไรเลย ไม่เป็นหวัด ไม่ไอ ไม่เจ็บหน้าอก แล้วเราจะเป็นปอดอักเสบได้ยังไง หลังจากกินยาไป 1 อาทิตย์ แล้วให้ไป xray ใหม่ ปรากฏว่าเหมือนเดิมค่ะ หมอเลยบอกว่าถ้าส่งผลไปสถานฑูต ก็ต้องรออีกประมาณ 3 เดือนกว่าสถานฑูตจะส่งใบมาว่าจะให้ไปตรวจอะไรเพิ่ม แล้วถ้าต้องตรวจน้ำลายเพิ่มก็รออีกประมาณ 3 เดือนกว่าจะเพาะเชื้อ แล้วถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง คราวนี้เลยแนะนำว่าให้ CT Scan บอกว่าจะได้รู้ผลกันไปเลยว่าไม่เป็นอะไร จะได้สบายใจ ไม่เสียเวลา แต่เสียเงินเพิ่ม 8000 บาท โอเคเราก็ประเภทใจร้อนอยากทำอะไรให้มันเสร็จเรียบร้อยไป ทำก็ทำ ผลออกมาไม่มีอะไรปกติดีค่ะ แต่สุดท้ายสถานฑูตก็มีใบส่งตัวให้ไปตรวจอยู่ดีอ่ะ พอดีหลังสัมภาษณ์เสร็จเราก็ขอวีซ่าท่องเที่ยวมาหาสามีที่ออสเตรเลีย ทางเจ้าหน้าที่เลยให้ใบส่งตัวเรามาตรวจที่ออสเตรเลียเลยค่ะ รอนานเป็นเดือนเหมือนกัน กว่าจะได้ไปตรวจ มาตรวจที่ออสเตรเลียก็ x-ray อีก สรุปแล้วหมอบอกไม่เป็นอะไร ปกติดี วีซ่าก็ผ่านเรียบร้อยดีค่ะ เชื่อเถอะค่ะ ลองถ้าเค้าบันทึกผลครั้งแรกแล้วว่ามีอะไร สถานฑูตก็ให้ตรวจเพิ่มอยู่ดี อีกอย่างด้วยความที่กลัวว่าจะเป็นโรคปอดจริงๆก็ไปตรวจที่แผนกโรคปอดและทรวงอก ที่โรงพยาบาลรามคำแหง หมอบอก ไม่มีอะไร ปกติดีเราก็เล่าให้หมอฟังว่าเราตั้งใจมารักษาที่นี่เนื่องจากว่าหมอที่ตรวจวีซ่าบอกว่าเราเป็นปอดอักเลบ หมอเลยบอกว่าจะให้หมอรักษายังไงก็ปกติดี แล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาลมงกุฏิวัฒนะ? รู้ว่าตัวเองเสียค่าโง่ไป 9000 บาท บวกค่าเสียเวลา และเสียสุขภาพร่างกายของเราด้วย เนื่องจากต้อง xray หลายรอบ บางคนอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้นะคะ เนื่องจากมีหมอที่แต่งตั้งจากสถานฑูตประจำที่นี่อยู่ประมาณ 4 คน ถ้าเจอคนละคนกับเราก็ดีไป ขอสงวนนามหมอคนนี้นะคะ
ปล.ถ้าเราไปตรวจที่ไหนแล้วไม่สามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ค่ะ เนื่องจากลองไปปรึกษา โรงพยาบาลกรุงเทพ เค้าบอกไม่ได้ค่ะ ยื่นที่ไหนแล้วต้องเป็นที่นั้นเลย ไม่งั้นมันจะซ้ำซ้อน

เอกสาร:

- ลายลักษณ์อักษรจากผู้ขอวีซ่าระบุรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความสัมพันธ์กับ สปอนเซอร์เช่น การพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อใด และที่ไหน และความสัมพันธ์นั้นได้พัฒนาขึ้นมาอย่างไร อันนี้ให้เราเขียนจดหมายเล่าความเป็นมาทั้งหมด และความตั้งใจในอนาคตกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ ต้องเขียนทั้งสองฝ่ายค่ะ

- Form 888 ให้ญาติและเพื่อนๆสามีเขียนให้ค่ะ เพราะของเรามีหลักฐานรูปงานแต่งแสดงอยู่แล้วว่าญาติๆและเพื่อๆเรารู้เรื่องราวความสัมพันธ์ดี
- รูปถ่าย เราส่งไปไม่มากเป็นรูปถ่ายไปเที่ยว และรูปงานแต่งค่ะ print ใส่กระดาษมัน A4 ไปค่ะ หน้าละ 9 รูป ไม่ได้ตัดเป็นใบๆเลย

- หลักฐานทางการเงินของสามีก็มีไม่มาก ของเรารู้สึกว่ามีแค่ หลักฐานสรุปรายได้ทั้งปีของสามี แล้วก็หลักเกี่ยวกับบ้านแค่นั้นเอง

วันไปยื่นเอกสารที่ VFS :
เรานำเอกสารทั้งหมด พร้อมเงินสดสำหรับแลกเช็คค่าธรรมเนียมในการยื่นประมาณ 42,350 + 35 (ค่าเช็ค ) + 535 (ค่าธรรมเนียม VFS)
สำหรับคนที่ไปตรวจสุขภาพมาก่อนก็อย่าลืมเอาใบเสร็จจากโรงพยาบาลไปยื่นด้วยนะคะ

ปล.ใครมีเอกสารมากน้อยเท่าไหร่ ขนไปให้หมดเลยนะคะ ยิ่งมากยิ่งดี ทางสถานฑูตรับหมดค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่รับ บางคนลากกระเป๋าเดินทางไปเลยก็มี แบบว่าคบกันมานานมาก :)-

ขั้นตอนการสัมภาษณ์:

หลังจากยื่นเอกสารไปประมาณเกือบเดือนจะมีเจ้าหน้าที่โทรมานัดสัมภาษณ์ ของเราเป็นคนระบุวันสัมภาษณ์เอง เนื่องจากเรารอแฟนมาสัมภาษณ์ด้วยกัน ส่วนเนื้อหาที่สัมภาษณ์ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟนเรา และครอบครัวเขา เนื่องจากทางสถานฑูตคงต้องการรู้ว่าเรารู้จักเขาดีพอหรือไม่ เพราะฉนั้นก่อนสัมภาษณ์ ให้ถามข้อมูลส่วนตัวแฟนทุกเรื่อง งาน,สมาชิกในครอบครัว พยายามจำชื่อสมาชิกในครอบครัวเขาด้วย แล้วอีกคำถาม คือ วางแผนร่วมกันในอนาคตยังไง,อย่างคำถามเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ คำถามยอดฮิต คุณเคยมีแฟนมาก่อนแล้วหรือยัง?

แนะนำเพิ่มเติมค่ะ วันสัมภาษณ์พยายามแต่งกายให้สุภาพและดูดีที่สุดเลยนะคะ

สำหรับการใช้บริการ Agency ในการขอวีซ่าคู่สมรส อยู่ที่ประมาณ 35,000 (ไม่รวมค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าของสถานฑูต สรุปเป็นค่าบริการอย่างเดียว) แนะนำถ้าให้ดำเนินการเองค่ะ เสียเวลานิดหน่อยเองค่ะ ส่วนใหญ่ทุกขั้นตอน เราก็ต้องไปด้วยตัวเอง เช่น จดทะเบียนสมรส agent คงจดแทนเราไม่ได้ ,ทำ passport เราก็ต้องไปทำเอง เพราะเป็นเอกสารสำคัญ ที่ไม่ต้องไปเองก็คงแปล.รับรองเอกสารและยื่นเอกสาร จริงๆแล้วมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ ส่วนใหญ่ agent จะแนะนำว่าให้ทำตามเขา ขั้นแรกให้เราและแฟนส่ง postcard ไปมาสักพัก แล้วให้เราส่งจดหมาย โทรศัพท์ ประมาณเพื่อสร้างหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ ในใจคิดว่าจะส่งทำไม ก็ส่งเมลง่ายกว่า อีกอย่าง เรา chat กันทุกวันทำไมต้องทำอย่างงั้น บ้าจัง!!! ความลับหากเราไม่มีความสัมพันธ์กันจริงๆ ใครก็สร้างให้เราไม่ได้ ดังนั้น agent จึงไม่การันตีผลว่าจะผ่านชัวร์ 100% ส่วนตัวเราใช้หลักฐานจาก history msn and skype,facebook แล้วโทรศัพท์ใช้แบบ prepaid ทั้งคู่ เอาไงล่ะทีนี้ เขาไม่มีรายงานการใช้โทรศัพท์ส่งให้ แต่เราโชคดีที่ใช้ โทรศัพท์ของค่าย Dtac ซึ่งสามารถไปพิมพ์รายการใช้โทรศัพท์ได้ในเวป แต่จะเก็บไว้ให้เราแค่ 2 เดือนล่าสุด คือเดือนที่แล้วและเดือนปัจจุบัน เราก้ไป print มาเก้บไว้ทีละเดือน แล้วรวบรวมส่งไปให้สถานฑูตด้วย